นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมดำเนินการลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จากภาคการขนส่งโดยระบบขนส่งสาธารณะ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยได้เข้มงวดตรวจสอบสภาพ และตรวจวัดค่าควันดำรถโดยสารสาธารณะ (รถเมล์) ที่มีจำนวน 2,885 คัน แบ่งเป็นที่รถเมล์ใช้น้ำมันดีเซล 1,900 คัน และรถเมลที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) 985 คัน
โดยจะมีการตรวจวัดค่าควันดำเป็นประจำทุกวันก่อนนำรถเมล์ออกไปให้บริการ ซึ่งต้องเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานค่าควันดำ และวิธีการตรวจวัดที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด คือถ้าการตรวจวัดค่าควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบวัดความทึบแสง ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 และ ถ้าตรวจวัดควันดำด้วยระบบกระดาษกรอง ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 40
นายกิตติกานต์ กล่าวต่อว่า หากพบว่ารถเมล์มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน ต้องนำไปปรับปรุงให้เรียบร้อยก่อนนำออกมาให้บริการประชาชน ขณะเดียวกัน ขสมก. อยู่ระหว่างการจัดหารถเมล์ใหม่ที่เป็นพลังงานสะอาด เพื่อนำให้บริการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดปัญหา PM 2.5 และเพิ่มประสิทธิภาพบริการด้วย นอกจากนี้ ขสมก. กำชับให้เขตการเดินรถทั้ง 8 แห่ง ทำความสะอาดล้างอู่รถเมล์เป็นประจำ เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่น และไม่ส่งผลกระทบมลพิษทางอากาศต่อชุมชนที่อยู่อาศัยรอบบริเวณอู่รถเมล์
ส่วนสถานการณ์ให้บริการรถเมล์ ขสมก. ในขณะนี้พบว่า ผู้โดยสารทยอยใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ใช้บริการในวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ อยู่ที่ 700,000 คนต่อวัน มีรายได้ 8,000,000 บาทต่อวัน ส่วนวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ อยู่ที่ 500,000-600,000 คนต่อวัน มีรายได้ 5,000,000 บาทต่อวัน โดย ขสมก. ยังคงบริหารจัดการเดินรถให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการ เน้นย้ำปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในการป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการแพร่ระบาดและสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ.คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง