"จตุพร" เชื่อ ศาล รธน. รับพิจารณาคำร้อง 40 สว. ยื่นถอด "เศรษฐา-พิชิต"

19 พ.ค. 67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำหลอมรวมประชาชน ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวพีพีทีวี เกี่ยวกับการยื่นคำร้อง ถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า กระบวนการ 40 สว. ไปยื่นถอดถอนนายเศรษฐา และนายพิชิต เป็นการปฏิบัติการอย่างเร่งด่วน เพราะไม่มีวี่แววมาก่อนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

และส่วนตัวได้เห็นคำร้องทั้งหมด 11 หน้าแล้ว มีเนื้อหาครบถ้วน ซึ่งในวันที่ 23 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ เชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องไว้พิจารณาแน่นอน

และอาจมีคำสั่งให้นายกฯ รวมถึง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ และหากเป็นแบบนี้ โรคแทรกซ้อนทางการเมือง ก็อาจตามมา

นายจตุพร คาดว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ รับพิจารณาคำร้อง และมีคำสั่งให้นายกฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกฯ แทน

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ถ้าในสมัย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ไม่ใช่ในสมัยของ นายเศรษฐา ซึ่งไม่ได้มีต้นทุนทางการเมืองมาก่อน เมื่อถึงตอนนั้นเครื่องอาจจะรวน เรื่องอื่น ๆ ก็จะพรั่งพรูออกมา

ถึงแม้เพิ่งจะเป็นรัฐบาลได้ไม่นาน แต่เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นช่วงปลายของรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาเป็นการตกลงกันผ่านดีล เมื่อเบี้ยวดีล ก็ต้องเอาคืนผ่านรูปแบบต่าง ๆ

และที่น่าสนใจที่เรียกว่า เป็นเข็มทิศทางการเมือง คือ วันที่ 29 พฤษภาคม ที่อัยการสูงสุด นัดฟังคำสั่งกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาคดี มาตรา 112 ซึ่งต้องจับตาดูว่า อัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ ถ้าสั่งฟ้องก็ต้องเข้าสู่กระบวนการประกันตัว

หากค้านประกันตัว ก็ต้องกลับเข้าเรือนจำ แต่ถ้าอัยการสั่งไม่ฟ้อง นายจตุพร มองว่า อาจนำไปสู่การรัฐประหาร ได้ เพราะแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน และความอภิสิทธิ์ชน

ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า ต้องรอดู ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีอำนาจวินิจฉัย หรือจะรับวินิจฉัยหรือไม่นั้น ความจริงเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีในทางการเมือง ถือเป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลโดยตรง

เมื่อถามว่า หลังจากนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ทั้ง นายเศรษฐา และนายพิชิต จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการพิจารณาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การยุติการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องทำโดยอัตโนมัติ ต่างจากกรณีของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ร้องผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในเรื่องการทุจริตต่อศาลฎีกา

ซึ่งกรณีของศาลรัฐธรรมนูญ สามารถใช้ดุลยพินิจออกคำสั่งให้ยุติการปฎิบัติหน้าที่ไปก่อนชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยได้ เช่นกรณีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่อยู่ระหว่างการเสนอที่ประชุมรัฐสภาในการโหวตเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

ดังนั้น สังคมต้องพิจารณาว่า กรณีดังกล่าว คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ควรจะยุติการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นดุลยพินิจของศาลและให้สังคมได้พิจารณาว่า มีมาตรฐานหรือไม่

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการแต่งตั้งรัฐมนตรี ที่อาจมีพฤติการณ์ดังกล่าวเข้ามาดำรงตำแหน่ง และอาจมีผลกระทบตามมา เรื่องนี้สะท้อนว่านายกรัฐมนตรี ไม่มีความกล้าหาญมากพอ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ารัฐมนตรีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มีปัญหาในแง่พฤติกรรมที่ผ่านมาอย่างไร และถูกมองว่าไม่เหมาะสมอย่างไร

นายชัยธวัช ย้ำว่า พรรคก้าวไกล ไม่สนับสนุนการขยายอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเกินขอบเขต สิ่งใดที่ควรอยู่อย่างชัดเจนก็ให้ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง แต่สิ่งใดที่ไม่ควรก็ต้องเป็นแบบนั้น ถึงแม้ตนจะเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ไม่ใช่จะค้านทุกเรื่อง และค้านทุกวิธีการจนไปบ่อนทำลายหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย

ดังนั้นตนยังไม่มั่นใจว่าศาล จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ หรือหากรับจะพิจารณาในแง่มุมใด

คำพูดจาก สล็อต777

By admin

Related Post